• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้รู้ จากการเป็นผู้รับจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by luktan1479, April 05, 2023, 11:06:34 AM

Previous topic - Next topic

luktan1479

1. เพราะว่าเราไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อดำเนินงานอย่ างเดียว

เรามิได้ปฏิบัติงานแล้วแฮปปี้แต่ละวัน หลายทีที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ถ้าเกิดพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต อาทิเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และยังรวมไปถึงต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่พวกเราชอบจะทำให้จิตใจเบิกบานขึ้น รวมทั้ง เพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่น เพราะเหตุว่าการเฟลจากที่ปฏิบัติงานส่วนใหญ่มักทำให้พวกเราเสียกำลังใจ แล้วก็ขาดความเชื่อมั่นในตนเองในตัวเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันมีผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และก็ อีกเยอะแยะ


ยกตัวอย่ าง... มีสหายคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก เอาจริงเอาจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในตอนนี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จวบจนบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง

สำหรับพนักงานประจำตัวจ้อยอย่ างพวกเรา สิ่งที่พวกเราเคารพยกย่องที่สุดในสถานที่สำหรับทำงานก็คงหนีไม่พ้นเจ้านาย คนที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนานับประการ อย่ างตัวเราเคยพบทั้งๆที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานหนัก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำการทำงาน รอสั่งคนนู่นหนคนนี้ที แต่ว่าพอใช้ดูดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่คนๆนี้มันจะมาบ่นว่าเกียจคร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากมายมิได้ยังไง เพราะอะไรน่ะหรอ นอกจากจะโดนหัวหน้าของเค้าเองกระเหม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความเคารพด้วย หนำซ้ำบางครั้งก็อาจจะระรานกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


ถ้าให้แนะนำก็อย ากจะกล่าวว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดียิ่งกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างพวกเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนไม่ดีบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ าคิดว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองในมุมที่ว่าถ้าหากพวกเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานตรงไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

มิได้อย ากอยู่ดึกดื่นๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากดำเนินการ ก็อย ากไปเที่ยวเช่นกันนั่นแหละ แม้กระนั้นเพียงแค่ออกหน้าขี้บ่นแบบเรามิได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกดู

เพียงแค่พวกเราพรีเซ็นท์งานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจะต้องเอางานเราไปเสนอกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนไหนกันแน่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้มาก เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา

3. อย่ ามั่นใจในตัวเองเหลือเกินในโลกอินเตอร์เน็ต

ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แต่ว่าทราบรึเปล่าว่า HR สมัยปัจจุบันนี้นอกเหนือจากที่จะดู resume พวกเราแล้ว ยังมองเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย สหายเราที่เป็น HR การันตีมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่จริงจริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของพวกเรานั้นมีผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อพวกเราเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มกำลัง เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างพวกเราเป็นไม่แตะต้องเฟสบุ้คเลย หรือถ้าจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าเกิดหัวหน้ามามองเห็นก็ช่างเถอะ


ถ้าหากอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆแนะนำให้แยกเฟสสถานที่สำหรับทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธาราณพด้วย เพราะว่า ส่วนใหญ่คนในสถานที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้างั่ง ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่นอน...!! เตือนแล้วนะ

4. จุดโฟกัสที่ทางวิ่งของพวกเรา พอใจ ตั้งใจ แต่ว่า... อย่ าเก็บลู่วิ่งบุคคลอื่นมาริษยา

ช่วงปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ สหายเราผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยเริ่มศึกษาต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนงานไปงานที่ค่าตอบแทนรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตน บางคราวพวกเราเลื่อนมองหน้าเฟสแล้วหลังจากนั้นก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้เจริญ แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดีกว่าพวกเราหรอกดีไม่ดีเพื่อนฝูงหลายๆคนบางครั้งก็อาจจะกำลังอิจฉาชีวิตเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกพวกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... เป็นตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่พวกเราคัดเลือกกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี จงจดจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ

โฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา รู้ดีว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร ทราบดีว่าที่หมายพวกเราต้องการอะไร ทราบว่าวันนี้พวกเราปฏิบัติดีกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบดูทางวิ่งผู้อื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราขมักเขม้นกับชีวิตมากยิ่งขึ้น แต่ว่าอย่ าเก็บมาใส่ใจกระทั่งเป็นทุกข์เป็นร้อนพอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

ประเดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งจะตระหนกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้แสดงว่า ให้พวกเราไม่ต้องจิรงใจกับคนไหน แต่... หมายความว่า " เราไม่สนใจข้างใด " อย่ างที่รู้กันว่าในออฟฟิศหลายๆที่

มีการเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าคนที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) ส่วนใหญ่ปราศจากความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแม้กระนั้นเล่นเค้าไว้เยอะแยะนี่ห้ามเสียท่าเลยจ้า มีคนรอซ้ำมากมายเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่เป็น... การที่พวกเราดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้พูดว่าให้สตอเบอร์รี่ หรือ ฝืนตนเอง แต่ว่า... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความพอใจ

โตมาในสังคมที่แตกต่างกัน การที่พวกเราดูแล้วรู้ว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะก่อให้เราได้เปรียบมากๆเว้นแต่วางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางบุคคลที่ดูแล้วไม่ถูกจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย าท ไม่จำเป็นที่จะต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... พวกเราไม่รู้เรื่องหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปดำเนินงานกับคนใดกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าว อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ในอนาคต อาจได้วัวรจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดียิ่งกว่าโดนดุตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความหวังจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย แม้ว่าพวกเราจะรู้สึกกดดันสำหรับเพื่อการดำเนินการสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดีมากยิ่งกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนถึง 50-60 ก็ผ่านช่วงเวลาแบบเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะเสนอแนะคือ.. ใช้เวลานี้ให้คุ้ม เรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย ากถามอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันห่วยแตกก็พรีเซ้นไปเรื่อยๆฝึกฝนไปเรื่อยโดนดุตอนนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50 เยอะแยะ หากแม้จะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก แล้วก็ อ่อนประสบการณ์ คนส่วนมากพร้อมจะยกโทษพวกเราเสมอ ดังนั้น ล้มเหลวเยอะๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามต่างกันระหว่าง " สหาย " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย ากก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาสหายใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม และการหาเพื่อนในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งเราโตขึ้นมากแค่ไหน เราจะหาเพื่อนฝูงย ากขึ้นเพียงแค่นั้น และไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนแท้จริงหัวใจคนนึงในสำนักงานมันย ากเพียงใด


นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง เงินเดือน การประเมิน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าจ้างรายเดือนอย่ างเราเป็นไปดำเนินการ มิได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาสหาย เพราะฉะนั้นวันๆเราก็เลยจะพบแค่เพื่อนพ้องร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่และก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

เราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนตัวและก็เรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างงี้ พวกเราคิดว่ามันเป็นผลกำไรชีวิต พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดเดียวก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเจอ

สนทนาเปลี่ยนความเซ็งก็ดี ให้พวกเราทดลองถามตัวเองว่า "ถ้าเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าเกิดคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนจริงๆในที่ทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " เพื่อนร่วมงาน " ให้พบ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความแตกต่างระหว่าง " สหาย " กับ " เพื่อนร่วมงาน " เป็นยังไง ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็คงจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม รวมทั้งการหาเพื่อนในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ เราจะหาเพื่อนฝูงย ากขึ้นเพียงแค่นั้น

และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนแท้จริงดวงใจคนนึงในสำนักงานมันย ากเพียงใด นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การวัด เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราค่าจ้างรายเดือนอย่ างเราคือไปทำงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อนพ้อง โดยเหตุนี้วันๆพวกเราจึงจะเจอแค่เพื่อนพ้องร่วมกลุ่ม ซึ่งจำนวนมากแล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

เราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องเฉพาะบุคคลและก็เรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน แล้วก็เพื่อนร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบงี้ พวกเราคิดว่ามันคือกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนพวกนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดเดียวก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้เผชิญ พูดคุยแลกเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้พวกเราลองถามตัวเองว่า "ถ้าเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนฝูงจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

8. ต้องเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าอย ากประสบผลสำเร็จ แล้วก็ เป็นสุข ควรเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ บอกง่ายแต่ทำย ากนะ เนื่องจากว่าลูกจ้างมือโปรก็คือคนที่ใส่ใจได้ว่า " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าจ้างจำนวนหนึ่ง " นั่นถือว่าบริษัทเค้าอยากได้อะไรบางอย่ างจากเราแลกกับค่าแรงนั้นๆ

พวกเราจะต้องทราบว่าบริษัทว่าจ้างเรามาทำอะไร และ ทำมันให้ดีกว่าที่บริษัทมุ่งมาดถ้าอยากความก้าวหน้าในหน้าที่ หากงานที่ทำอยู่รู้สึกว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่สมควรอดทนทำไป


ควรหางานที่เราทำแล้วพวกเรามีความสุขรวมทั้งทำได้ดีเพื่อดึงประสิทธิภาพของตนเองออกมาให้มากที่สุด นอกจากจะทำให้เราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังส่งผลให้พวกเราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งพวกเราจะทราบเองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ถูกใจให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่นๆ อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ ถ้าท้ายที่สุดเราพบสายอาชีพที่เรารักรวมทั้งอย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากมาย

รวมทั้งด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " เราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าแรงจำนวนหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าค่าจ้างกระทั่งเกินความจำเป็น ทุ่มเทได้ แต่ควรจะมีคำตอบที่ดีตามออกมาด้วย อาทิเช่นได้ปรับค่าจ้างรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา พี่น้องๆบ้ า ง หันกลับไปมองข้างหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ช่วงนี้เค้าเป็นอย่างไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุเพิ่มขึ้นวันแล้ววันเล่า ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย หากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แด่คุณแล้วหาเวลาไป มันไม่ลำบากหรอก แลกเปลี่ยนกับความสำราญของพ่อแม่
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/